เจแอลแอลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนขาย “รอยัล ภูเก็ต มารีน่า”
ภูเก็ต– รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (Royal Phuket Marina) แต่งตั้ง มิสเตอร์ไมค์ แบตเชเลอร์ และมิสเตอร์แอรอน ดีแซงจ์ หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล ให้เป็นผู้รับผิดชอบการขายโครงการรอยัล ภูเก็ต มารีน่า สืบเนื่องจากที่รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนชาวต่างชาติ มิสเตอร์กูลู ลาวานี ประธานบริหาร จึงได้ตัดสินใจนำโครงการนี้ออกเสนอขายอย่างเป็นทางการ และได้แต่งตั้งเจแอลแอล ให้เป็นตัวแทนหลักในการขายด้วยวิธีเปิดให้นักลงทุนที่สนใจซื้อยื่นเสนอราคา โดยจะปิดการขายภายในเดือนกันยายน
มิสเตอร์กูลู ลาวานี ประธานบริหาร รอยัล ภูเก็ต มารีน่า กล่าวว่า "รอยัล ภูเก็ต มารีน่า เป็นโครงการที่เกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าและได้เปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปีแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมได้ทุ่มเททำงานเพื่อส่งเสริมวงการแล่นเรือสำราญในประเทศไทยและทำให้ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านกิจกรรมสันทนาการทางน้ำชั้นนำในภูมิภาค ด้วยศักยภาพที่ยังคงมีอยู่มาก ผมจึงกระตือรือร้นที่จะหาผู้ซื้อที่สามารถผลักดันรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ให้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับและบรรลุถึงความฝันของผมในการทำให้โครงการนี้เป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ครบวงจรระดับโลก"
รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านตะวันออกของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือว่ามีศักยภาพสูงเนื่องจากเชื่อมโยงเข้าถึงถนนสายหลักของเกาะได้อย่างสะดวก ทั้งระยะการเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามบินภูเก็ตไม่ถึง 30 นาที รวมถึงเป็นแหล่งสถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงของภูเก็ต นับตั้งแต่สร้างเสร็จในปี 2548 รอยัล ภูเก็ต มารีน่าเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสที่ได้รับรางวัลมากมาย โครงการประกอบด้วยที่พักอาศัยระดับหรู ท่าจอดเรือระดับโลก สถานที่สำหรับเดินเล่นพักผ่อนริมน้ำพร้อมร้านอาหารและบาร์ สถานที่จัดประชุมและนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดของภูเก็ตและพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าระดับไฮเอ็นด์และสำนักงาน
มิสเตอร์แอรอน ดีแซงจ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุนซื้อขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมประจำภูมิภาคเอเชีย เจแอลแอล กล่าวว่า "รอยัล ภูเก็ต มารีน่า มีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงแรม ที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อกิจกรรมพักผ่อนและความบันเทิง อาทิ สวนน้ำระดับโลกที่จะมีเพิ่มเติมขึ้นมา นอกจากนี้ การเสนอขายครั้งนี้ยังมาพร้อมโอกาสในการยื่นขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่อนุญาตให้ต่างชาติเป็นเจ้าของได้ 100 เปอร์เซ็นต์"
ด้วยพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 200 ไร่ (320,000 ตารางเมตร) โครงการทั้งหมดที่ได้รับการพัฒนาจนถึงปัจจุบันมีพื้นที่เพียง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น สำหรับพื้นที่ที่เหลือจะอยู่ในแผนแม่บทที่อัดแน่นด้วยวิสัยทัศน์และนวัตกรรมที่ตั้งใจจะสร้างสรรค์ให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวปรารถนาจะมาเยือนมากที่สุดในประเทศไทย
"เราได้ทำงานร่วมกับสถาปนิกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาแผนแม่บทที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ รอยัล ภูเก็ต
มารีน่า ซึ่งสร้างขึ้นจากรากฐานอันแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ต โดยแผนแม่บทดังกล่าวมาพร้อมข้อเสนอให้ผู้ซื้อที่สนใจมีตัวเลือกในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในปัจจุบันของรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ที่มุ่งจะก้าวเป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลกสำหรับนักท่องเที่ยวแบบครอบครัว" มิสเตอร์ลาวานี กล่าวเสริม
"ที่รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ในขณะนี้ ภาพรวมโดยทั่วไปยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและธุรกิจยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทีมงาน ผู้อยู่อาศัย ลูกค้า และผู้มีผลประโยชน์ในโครงการ"
มิสเตอร์ ไมค์ แบตเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนซื้อขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมประจำภูมิภาคเอเชีย เจแอลแอล แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า " นักลงทุนจากทั่วโลกยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในภูเก็ต และเราเชื่อว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมภายในโครงการในอนาคต นอกจากนี้ การมีที่ดินแปลงใหญ่เสนอขายพร้อมแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในทำเลที่เป็นที่ต้องการของนักลงทุนเช่นนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก”"