HOTSPOT
แสนสิริส่ง PropTech ขานรับ Phuket Smart City ชู Home Service Application ตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้าภูเก็ต

หลังจากที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้เดินหน้าผลักดันโครงการเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart  City นำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองเพื่อช่วยบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความสะดวกสบายจนถึงช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมเติบโตขึ้นในอนาคต โดยโครงการ Smart City ได้เลือกเมืองต้นแบบ อันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่าง “ภูเก็ต” สร้างสรรค์โครงการ Phuket Smart City ที่เน้นการสร้างอุตสาหกรรมที่ 2 คืออุตสาหกรรมดิจิทัลเพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลัก และมุ่งหน้าพัฒนาทั้งสองอุตสาหกรรมควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน  โดยเริ่มต้นที่เขตเทศบาลเมืองป่าตอง และเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตเป็นอันดับแรก

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า แผนการพัฒนาโครงการ ภูเก็ต เมืองอัจฉริยะ หรือ Phuket Smart  City นั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจของแสนสิริในปีนี้ ในด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต และการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยหรือ “พร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี” (Property Technology) อย่างเต็มรูปแบบรายแรกของไทย โดยแนวคิดโมเดลการพัฒนา Phuket Smart City นั้น คล้ายคลึงกับเป้าหมายของการจัดตั้ง สิริ เวนเจอร์ เพื่อมุ่งพัฒนาและลงทุนใน Property Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่ออนาคตของการใช้ชีวิต ช่วยให้การใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยง่ายขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต โดยที่ภูเก็ตนั้น แสนสิริมีบริการ Home Service Application” แอพพลิเคชั่นที่ช่วยจัดการทุกเรื่องบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกบ้านภูเก็ตเป็นอย่างดี

“โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น” นับเป็นช่องทางพิเศษเพื่อให้ลูกบ้านและนิติบุคคลของแต่ละโครงการได้ใช้งานบริการต่างๆ ทางระบบออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบอย่างง่ายดายผ่านระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ช่องทาง คือ iOS, Android รวมทั้งยังสามารถใช้งานได้ถึง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น มอบบริการให้ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดแก่ลูกบ้าน โดยที่ไม่ต้องตรวจสอบกล่องจดหมาย ป้ายประกาศหรือเช็คอีเมล์อีกต่อไป ทั้งยังสามารถล็อคอินเข้าสู่ระบบโครงการที่ลูกค้าเป็นเจ้าของได้มากกว่าหนึ่งโครงการผ่านระบบเพียงระบบเดียวอีกด้วย ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการมีลูกบ้านให้การตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งนี้ปัจจุบัน Home Service มีจำนวนผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริแล้วจำนวนกว่า 15,000 ราย ใน 154 โครงการ จำนวน 52,000 ยูนิตทั่วประเทศ รวมไปถึงรองรับลูกบ้านในโครงการที่อยู่อาศัยที่ภูเก็ต

สำหรับ “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น” ปัจจุบันได้พัฒนาเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น อาทิ สำหรับลูกค้าแสนสิริที่ซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ สามารถติดตามความคืบหน้าโครงการได้ทุกที่ทุกเวลา/ติดตามค่างวดดาวน์ และข้อมูลก่อนโอนต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีการโต้ตอบแบบ Real time หรือมีการตอบสนองแบบ Interactive เพื่อสร้างความสะดวกสบายและตอบรับทุกไลฟ์สไตล์เหนือระดับของลูกบ้านแสนสิริอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังประกอบด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ Announcement ประกาศข่าวสารที่สำคัญจากทางโครงการที่อยู่อาศัย 2. Sansiri Family สิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านแสนสิริ 3.Messaging ช่องทางการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของโครงการ 4. My Account แสดงรายการและการแจ้งเตือนค่าส่วนกลางและค่าน้ำในแต่ละเดือน 5. Mailbox การแจ้งเตือนเมื่อมีพัสดุมาส่งถึงผู้อยู่อาศัย 6. Sell & Rent out บริการที่ช่วยให้ลูกบ้านสามารถฝากขายและปล่อยเช่าผ่านทาง Plus Agency ได้สะดวกยิ่งขึ้น 7. Suggestion บริการรับคำแนะนำต่างๆ จากลูกบ้าน 8. Phone Directory ซึ่งรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นประโยชน์โดยรอบโครงการ และสามารถกดโทรติดต่อได้ทันที อาทิ นิติบุคคลโครงการ, Sansiri Call Centre โรงพยาบาล สถานีตำรวจ รวมถึงบริการต่างๆ อาทิ บริการติดตั้งอินเทอร์เน็ตภายในบ้าน หรือสั่ง Food Delivery ต่างๆ นอกจากนี้ยังมี Mobile coupon for privilege: เพิ่มเติมการใช้สิทธิพิเศษด้วย mobile coupon ที่ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ทันที และ Event & Activity: ช่องทางการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษที่แสนสิริมอบให้เฉพาะลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ ล่าสุด แสนสิริยังตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยการต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชั่น “Home Care Service” แจ้งซ่อม ควบคุมและติดตามสถานะงานซ่อมแซมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยยกระดับการจัดการและบริหารงานซ่อมให้มีมาตรฐานและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สะดวก รวดเร็วและแม่นยำ ตลอดจนระบบประสานงานหลังบ้านระหว่างหน่วยงานโฮมแคร์และผู้รับเหมามืออาชีพที่เชื่อมโยงข้อมูลและอัพเดตด้วยกัน ซึ่งนับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่พัฒนาซอฟแวร์แอพพลิเคชั่นขึ้นเองและเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรก และรายเดียวในประเทศไทยที่พัฒนาต่อยอดพัฒนาระบบเซอร์วิสหลังการขาย “โฮม แคร์” เพื่อตอบสนองงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

“นับว่าการพัฒนาภูเก็ต สู่ Phuket Smart City รวมทั้งการที่แสนสิริพัฒนาสู่ Digital Transformation เป็นการมองถึงอนาคตที่ยั่งยืน เนื่องจากเทคโนโลยีกำลังจะลดข้อจำกัดต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้แสนสิริยังมีแผนนำเทคโนโลยีด้านสมาร์ทโฮม ไม่ว่าจะเป็นด้าน Home Automation Security ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบ Preventive Maintenance ภายในบ้าน ไปจนถึง Home AI หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีโรโบติกส์  ซึ่งสามารถพัฒนามาเป็นหุ่นยนต์ส่งของถึงห้องพักภายในคอนโดมิเนียมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย ทั้งหมดนี้ คือ เทคโนโลยีที่วางแผนให้เกิดขึ้นกับโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของแสนสิริทั่วประเทศในอนาคตรวมถึงที่ภูเก็ต เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในอนาคต” นายอุทัย กล่าว